คดีฟ้องหย่า ฟ้องชู้ เรียกค่าทดแทน
⭐ ฟ้องหย่า – ฟ้องชู้ – เรียกค่าทดแทนตามกฎหมายใหม่ 2025 คืออะไร?
ในปี 2568 ประเทศไทยมีการปรับแก้กฎหมายสำคัญเกี่ยวกับ “สิทธิในการฟ้องชู้และเรียกค่าทดแทน”
เพื่อให้ครอบคลุมความสัมพันธ์ทุกเพศ และเพิ่มความชัดเจนเรื่องการพิทักษ์สิทธิของคู่สมรส
ฟ้องชู้–ฟ้องหย่า ไม่ใช่แค่เรื่องอารมณ์หรือศีลธรรม แต่เป็น สิทธิทางกฎหมายที่คุ้มครองคู่สมรสที่ถูกทำร้ายจิตใจ ถูกหักหลัง หรือถูกทำให้ครอบครัวแตกแยก
และยังเป็นช่องทางเรียก ค่าเสียหาย / ค่าทดแทน จากฝ่ายที่ทำให้สมรสพังลงได้
พื้นฐานกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
1) มาตรา 1516 — เหตุฟ้องหย่าโดยชอบด้วยกฎหมาย
กฎหมายกำหนดเหตุหย่าไว้หลายเหตุ แต่กรณี “ชู้สาว” เป็นสาเหตุที่พบมากที่สุด
ศาลถือว่าเป็นการผิดสัญญาสมรส และคู่สมรสฝ่ายที่ถูกนอกใจสามารถฟ้องหย่าได้ทันที
“การมีชู้” หมายถึง
-
มีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับบุคคลอื่น
-
มีการติดต่อใกล้ชิดเกินควร
-
มีพฤติการณ์ที่ทำให้สมรสแตก
-
ทำให้คู่สมรสเสียหายทั้งทางใจและสังคม
ในทางปฏิบัติ ไม่จำเป็นต้องมีภาพบนเตียง
แต่ต้องมี “พฤติการณ์ที่สมเหตุผล” เช่น
แชทคุยเชิงชู้สาว, เดินทางไปค้างคืนด้วยกัน, อยู่ในที่ลับตาเป็นเวลานาน, คนรอบข้างยืนยัน
2) มาตรา 1523 — สิทธิเรียกค่าทดแทนจากชู้
มาตรานี้เป็นหัวใจสำคัญของการ “ฟ้องชู้เรียกเงิน”
โดยระบุว่า…
คู่สมรสที่เสียหายมีสิทธิฟ้องบุคคลภายนอกที่ล่วงละเมิดความสัมพันธ์สมรส เพื่อเรียกค่าทดแทนได้
หมายความว่า
➡️ ฟ้อง “ชู้” ได้
➡️ ฟ้อง “คู่สมรสที่ไปมีชู้” ได้
➡️ ฟ้องทั้งสองฝ่ายพร้อมกันได้
ค่าทดแทนพิจารณาจาก:
-
ความเสียหายทางชื่อเสียง
-
ความเสียหายทางจิตใจ
-
ความเสียหายต่อครอบครัว
-
พฤติการณ์ของชู้ เช่น ตั้งใจแย่ง, ยุยง, ปกปิดการมีสามีภรรยา
กฎหมายใหม่ปี 2025 มีอะไรเปลี่ยนไปบ้าง
ปี 2568 มีการแก้ไขกฎหมายเพื่อให้ทันสมัยกับสังคมปัจจุบัน 3 ประเด็นใหญ่ ๆ คือ
(1) เปิดสิทธิให้คู่รักทุกเพศ (LGBTQ+) ฟ้องชู้และฟ้องหย่าได้เท่าเทียม
ก่อนปี 2568 สิทธิฟ้องชู้–ฟ้องค่าทดแทน ถูกจำกัดในกรอบ “ชาย–หญิง”
แต่กฎหมายใหม่แก้ไขให้ทุกเพศมีสิทธิเท่ากันอย่างสมบูรณ์
(2) ศาลสามารถกำหนดค่าทดแทนสูงขึ้นได้ตามความร้ายแรงของพฤติการณ์
ไม่ใช่จำนวนเงินตายตัว ศาลดูจาก:
-
ระยะเวลาการมีชู้
-
ความตั้งใจแย่งสามี/ภรรยา
-
การดูหมิ่นหรือท้าทายผู้เสียหาย
-
ประวัติการทำซ้ำซาก
(3) กรณีมีชู้ผ่านโซเชียลมีเดีย – ถือเป็นพฤติการณ์ชู้ตามกฎหมาย
แชทลับ, วิดีโอคอล, ส่งข้อความเชิงชู้สาว
→ ใช้ฟ้องได้หากพิสูจน์ได้ว่า “เกินเลยความเหมาะสม”
ฟ้องหย่าอย่างเดียว หรือฟ้องชู้ด้วย อะไรต่างกัน?
ฟ้องหย่าอย่างเดียว (ฟ้องเพื่อแยกทาง)
ทนายจะฟ้องขอให้ศาลมีคำพิพากษาให้หย่าขาดจากกัน
มีผลคือ:
-
สมรสสิ้นสุด
-
แบ่งสินสมรส
-
จัดเรื่องอำนาจปกครองบุตร
แต่… ไม่ได้ค่าชดเชย จากชู้หรือคู่สมรส
ฟ้องชู้ + เรียกค่าทดแทน
ได้ทั้ง:
-
เงินค่าทดแทน
-
ชดเชยความเสียใจ
-
ฟื้นฟูชื่อเสียง
-
หมดสิทธิ์แย่งคู่สมรสในอนาคต
ส่วนใหญ่ลูกความต้องการ ทั้งฟ้องหย่า + ฟ้องชู้ เพื่อจัดการทุกอย่างให้จบในคราวเดียว
หลักฐานที่ใช้ฟ้องชู้ (สำคัญมาก)
แม้ไม่จำเป็นต้องมีภาพบนเตียง แต่ต้องมีพฤติการณ์ที่ศาลฟังขึ้นว่า “เป็นชู้จริง” เช่น:
-
แชทคุยเชิงชู้สาว
-
คุยนัดพบกันยามดึก
-
มีแชทเรียกชื่อผัว/เมีย
-
เดินทางไปต่างจังหวัดด้วยกัน
-
ไปพักโรงแรมร่วมกัน
-
โอนเงินเลี้ยงดู
-
หลักฐานจากโซเชียล เช่น ภาพกอด, อยู่ในที่ลับ, คลิปคอล
หลักฐานรูปแบบใดก็ได้ที่พิสูจน์ว่า “ความสัมพันธ์เกินกว่าปกติ”
ค่าทดแทนฟ้องชู้ ได้เท่าไหร่?
กฎหมายไม่กำหนดตัวเลข
ศาลจะดู “ความร้ายแรงและความเสียหายจริง”
โดยทั่วไปศาลจะประเมินจาก:
-
ระยะเวลาการมีชู้
-
ตั้งใจแย่งหรือไม่
-
ผลกระทบต่อผู้เสียหาย
-
ความอับอายที่เกิดขึ้น
-
พฤติการณ์สังคม เช่น โพสต์อวดในโซเชียล
คดีที่หนักมาก เคยมีบังคับให้จ่ายหลักแสน–หลักล้าน
แต่ส่วนใหญ่จะอยู่ในระดับ 30,000 – 500,000 บาท แล้วแต่ข้อเท็จจริง
ขั้นตอนการฟ้องหย่า–ฟ้องชู้
-
ปรึกษาทนาย
-
ส่งหลักฐานทั้งหมด
-
ทนายร่างคำฟ้อง
-
ยื่นฟ้องศาล
-
นัดไกล่เกลี่ย/สืบพยาน
-
ศาลมีคำพิพากษา
-
ทำเรื่องหย่า/แบ่งทรัพย์/ค่าเลี้ยงดู
ใช้เวลาประมาณ: 3–12 เดือน ตามความซับซ้อนของคดี
สรุป: ฟ้องชู้ + เรียกค่าทดแทน คือสิทธิที่กฎหมายคุ้มครอง
-
ถ้ามีหลักฐานชัด → ฟ้องได้แน่นอน
-
ไม่ต้องรอให้ทะเลาะกันจนรุนแรง
-
ไม่ต้องมีภาพชัดเจนแบบผิดศีลธรรม
-
ค่าทดแทนขึ้นกับพฤติการณ์
-
กฎหมายใหม่ 2025 คุ้มครองทุกเพศ




